ภาพวาดพอล เดลโว จิตรกรชื่อดังของยุโรป
เมื่อต้นศตวรรษที่ 20 เป็นช่วงเวลาแห่งการเปลี่ยนแปลงทางศิลปครั้งสำคัญ เมื่อศิลปินในหลายแขนง ต่างก็ให้ความสำคัญกับเอ็กเพรสชั่นนิซึ่ม (Expressionism) การแสดงออกซึ่งอารมณ์ ความรู้สึก และจินตนาการ มากกว่าโลกแห่งความจริง
ใน ช่วงดังกล่าว จิตรกรชาวเบลเยี่ยมคนหนึ่งได้ถือกำเนิดขึ้นมา ซึ่งต่อมาเขาได้กลายเป็นศิลปินผู้มีชื่อเสียงมากคนหนึ่งของยุโรป พอล เดลโว (Paul Delvaux) จิตรกรผู้ได้รับอิทธิพลจากเอ็กเพรสชั่นนิซึ่ม สร้างผลงานซึ่งได้รับการวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรงในสมัยนั้น แต่ในปัจจุบันผลงานของเขากลับเป็นที่ต้องการของนักสะสมภาพเขียนจำนวนมาก แม้กระทั่งภาพที่เขาสเก็ตช์ไว้ก็มีผู้สนใจประมูลด้วยราคาสูง
ชื่อ ของพอล เดลโว อาจไม่คุ้นหูนักสะสมภาพวาดชาวไทยเท่าไหร่ เมื่อเปรียบเทียบกับจิตรกรผู้มีชื่อเสียงระดับโลกอย่าง ปิกัสโซ่ แวนโก๊ะ หรือโมเน่ต์ หากภาพเขียนของเขาโด่งดังมากในยุโรป อเมริกา และแม้กระทั่งในญี่ปุ่น ก็เคยจัดนิทรรศการและเปิดประมูลภาพของเดลโวหลายครั้ง
ผลงานที่เสร็จ สมบูรณ์แต่ละชิ้นของเดลโวล้วนมีมูลค่าเป็นหลักล้านขึ้นไปเมื่อเทียบเป็นเงิน บาท ตัวอย่างเช่น ภาพเขียนสีน้ำมันที่มีชื่อว่า La ville endormie ปี 1938 มีมูลค่าถึง หนึ่งล้านห้าแสนดอลล่าร์สหรัฐ หรือประมาณ 38 ล้านบาทในการประมูลที่นิวยอร์คเมื่อปี 1991 ส่วนภาพ La joie de vivre ซึ่งถูกวาดขึ้นในปีเดียวกัน ถูกประมูลไปด้วยราคาเก้าแสนสองหมื่นปอนด์ (37 ล้านบาท) ในปี 1993 ที่ลอนดอน ภาพ Le Salut ได้รับการประมูลในราคา หนึ่งล้านหนึ่งแสนห้าหมื่นดอลล่าร์สหรัฐ (29 ล้านบาท) ล่าสุดในการประมูลที่นิวยอร์คเมื่อเดือนพฤศจิกายน 1996 ที่ผ่านมา ภาพ Les deux Ages,1941 มีมูลค่าถึง 772,500 ดอลล่าร์สหรัฐ (20 ล้านบาท)
ภาพ เขียนของเขามีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ผสมผสานโลกแห่งความจริงเข้ากับจินตนาการ ซึ่งได้รับอิทธิพลมาจากการเปลี่ยนแปลงเมื่อต้นศตวรรษที่ 20 รวมทั้งประสบการณ์อันน่าประทับใจในวัยเด็กของเขา ภาพแต่ละภาพมักประกอบไปด้วย ผู้หญิงเปลือย โครงกระดูก ปะปนอยู่ในฝูงชนธรรมดา ทั้งในที่สาธารณะ และในห้อง แบ็คกราวน์ของภาพจะเป็น perspective คือมีความตื้นลึกของภาพ
พอล เดลโวฝ่าฝืนความต้องการของบิดาที่หวังจะให้เขาเป็นทนายความ โดยเข้าเรียนที่สถาบันศิลปบรัสเซลส์ เดลโวเริ่มเป็นที่รู้จักขึ้นมาในปี 1925 โดยการจัดนิทรรศการแสดงผลงานครั้งแรกของเขาร่วมกับจิตรกรนามโรเเบิร์ต จีรอง
ผลงานที่มีชื่อของเขาในยุคแรกๆ มักจะปรากฎแบ็คกราวน์เป็นรูปสถานีรถไฟซึ่งเป็นแรงบันดาลใจที่มาจากในวัยเด็ก เขากล่าวว่ารถรางและรถไฟเป็นสิ่งที่เขาชอบมาตั้งแต่เด็ก เนื่องจากมีรถไฟวิ่งผ่านหน้าบ้าน เขาจำเสียงรถไฟได้ และจะต้องวิ่งออกมาดูอยู่เสมอ เมื่อโตขึ้นจึงได้วาดรูปรถรางและรถไฟจากจินตนาการเมื่อตอนเป็นเด็ก
มี ผู้วิจารณ์ว่าเดลโวเขียนภาพลงบนผืนผ้าใบราวกับฉากในโรงละคร คือมักจะมีสิ่งก่อสร้างที่สมจริง สวยงาม และมีความตื้นลึกอยู่ในภาพ หรือที่เรียกว่าการเขียนภาพลักษณะ perspective ทั้งนี้อาจเป็นอิทธิพลจากการเข้าคอร์สระยะสั้นเรียนวิชาสถาปัตย์เมื่อปี 1916-1917 ที่สถาบันศิลปบรัสเซลส์ก่อนจะเข้าเป็นนักศึกษาของสถาบันแห่งนี้ในอีกสองปี ต่อมา
เมื่อแรกเริ่มอาชีพจิตรกร เดลโวก็เช่นเดียวกับช่างเขียนภาพในสมัยนั้นคือ มักจะวาดภาพทิวทัศน์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นแม่น้ำลำคลอง ถนน อาคารบ้านเรือน ต่อมาในปี 1929 จึงเริ่มวาดคนเปลือยกาย ช่วงปี 1932-1934 เป็นช่วงที่เขาได้รับอิทธิพลจากศิลปินเอ็กเพรสชั่นนิสต์หลายคน จึงเริ่มวาดภาพที่แสดงออกถึงความรู้สึกภายในใจ หากก็ยังค้นหาตัวตนที่แท้จริงของตัวเองไม่พบ และในช่วงนี้อีกเช่นกันที่ผลงานของเขาถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรง จนกระทั่งเขาถึงกับทำลายภาพวาดที่เสร็จสมบูรณ์แล้วของตนเองทิ้งไปจำนวนมาก มาย
ต่อมาในปี 1935 จึงค้นพบตัวเองว่าเขาเป็น surrealist หรือนักวาดภาพเหนือความเป็นจริง เดลโวกล่าวว่า ความเป็นเซอเรียลลิสต์ของเขานั้น หมายความว่าเขามีอิสระที่จะทำ(วาด) อะไรก็ได้ตามที่เขาปรารถนา เพื่อที่จะให้ได้มาในสิ่งที่ต้องการ ตัวอย่างเช่น จะให้แสงเงาในที่ที่เขาต้องการในภาพ โดยไม่ต้องคำนึงถึงความเป็นจริง สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือผลที่เขาต้องการจะให้เกิดเท่านั้น และแนวความคิดนี้ก็มีอยู่ในการวาดภาพลักษณะ perspectiveของเขาเช่นกัน ในปี 1936 ผลงานแบบเซอเรียลลิสต์ หรือภาพในจินตนาการที่ผิดธรรมชาติจึงเริ่มปรากฎให้เห็น
กล่าวได้ว่า ช่วงเด็กและวัยรุ่นแรงบันดาลใจที่สำคัญต่อพอล เดลโวมากในการเขียนภาพ ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดอีกเรื่องหนึ่งก็คือ เมื่อสมัยเป็นเด็กเขาได้รับหนังสือแนววิทยาศาสตร์ที่แต่งโดยจูลส์ เวิร์น เกี่ยวกับการท่องใต้ทะเลลึก ซึ่งเปิดโลกแห่งจินตนาการของเขาให้กว้างขึ้น มีส่วนทำให้ภาพของเขาเป็นภาพเหนือความเป็นจริง เช่น ฉากภูเขาไฟ ทรากปรักหักพังของหินจากแผ่นดินไหว
ในปี 1943 เดลโวก็เริ่มนำโครงกระดูกเข้าไปใส่ในภาพ เดลโวกล่าวถึงโครงกระดูกที่ปะปนอยู่ในฝูงชนว่า เกิดจากความประทับใจเมื่อวัยเด็กในห้องเรียนวิทยาศาสตร์ เมื่อเขาต้องเผชิญกับความน่ากลัวของมันในตรั้งแรก หากก็จำเป็นจะต้องเรียนเกี่ยวกับร่างกายมนุษย์ จากความกลัวแปรเปลี่ยนมาเป็นความชอบในภายหลัง ต่อมาจึงได้เกิดแรงบันดาลใจให้วาดโครงกระดูกใส่ลงไปในผลงานจำนวนมากของเขา และนี่ก็คือเอกลักษณ์อย่างหนึ่งในภาพที่วาดโดยจิตรกรเอกคนนี้
พอล เดลโวเสียชีวิตไปด้วยโรคชราเมื่อปี 1994 ขณะที่เขามีอายุได้ 97 ปี พิพิธภัณฑ์ภาพเขียนบรัสเซลส์จึงได้จัดงานนิทรรศการแสดงผลงานของเขาขึ้นใน ระหว่างวันที่ 21 มีนาคม ถึงวันที่ 27 กรกฎาคม 1997 เพื่อฉลองครบรอบวันเกิดปีที่หนึ่งร้อยของจิตรกรผู้โด่งดังชาวเบลเยี่ยมคนนี้
ภาพ เขียนสีน้ำมันจำนวน 120 ภาพ และ ภาพวาดสีน้ำอีกกว่า 130 ภาพ ที่นำมาแสดงเป็นเพียงหนึ่งในสามของผลงานทั้งหมดที่ศิลปินผู้นี้ได้สร้างสรร เอาไว้ ทุกภาพที่จัดแสดงในนิทรรศการได้รับการหยิบยืมมาจากพิพิธภัณฑ์และคอลเลคชั่น ส่วนบุคคล ทั้งจาก เบลเยี่ยม เยอรมัน อังกฤษ ฝรั่งเศส อิสราเอล ญี่ปุ่น เนเธอร์แลนด์ ออสเตรีย สเปน และ สหรัฐอเมริกา
คอนเซ็ปต์ของ นิทรรศการได้แสดงให้เห็นถึงสิ่งที่มีอิทธิพลต่อความนึกคิดของตัวเดลโวเอง ซึ่งถ่ายทอดออกมาเป็นภาพเขียน นั่นคือ โครงกระดูก สถานีรถไฟ เพื่อนหญิง วิทยาศาสตร์และจินตนาการ ความโดดเดี่ยว สังคมเมือง และอดีตกาล โดยจัดเรียงตามลำดับปีที่วาด และการเปลี่ยนแปลงแนวความคิดในช่วงต่างๆ นิทรรศการครั้งนี้ได้รับความสนใจจากผู้ชื่นชอบในภาพเขียนของเขาจำนวนมากมาย ทั้งชาวยุโรป และชาวเอเซีย โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่น และเกาหลี
เมื่อ พิจารณาถึงแนวคิดและแรงบันดาลใจที่เกิดขึ้นกับตัวเขาแล้ว ก็เข้าใจได้ดีว่า ทำไมผลงานที่ออกมาแต่ละชิ้นนั้นจึงไม่ธรรมดาเลย ภาพของเดลโวแต่ละภาพเป็นที่ต้องการของนักสะสมภาพเขียนจากหลายประเทศด้วยการ มีเอกลักษณ์ที่ไม่ธรรมดานี้ ภาพทุกภาพถ่ายทอดความรู้สึกในใจออกมาอย่างสมจริง ไม่ว่าจะเป็นภาพเด็กหญิงผู้โดดเดี่ยวหน้าสถานีรถไฟ ภาพหญิงสาวเปลือยกายหลับใหลหน้าโบสก์ในยุคกรีกโบราณ หรือภาพโครงกระดูกที่ดูราวกับมีชีวิตชีวาปะปนในฝูงชน
อย่างไรก็ตามเด ลโวไม่ได้พาตัวเองเข้าไปอยู่ในโลกแห่งจินตนาการ แล้วลืมโลกแห่งความเป็นจริงโดยสิ้นเชิง ซึ่งเห็นได้จากคำกล่าวของจิตรกรเอ็กเพรสชั่นนิสต์เซอเรียลลิสต์ผู้ลือนามของ ยุโรปคนนี้ที่ว่า ‘เราต้องไม่ลืมว่า ภาพวาดก็คือภาพวาด ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นความจริงในอีกโลกหนึ่งที่ไม่ใช่โลกนี้’
..............................
พอล เลอมัง
ปล.เบลเยียมมีจิตรกรที่มีชื่อเสียงในระดับทวีปและระดับโลกหลายคน โอกาสหน้าจำนำมาเล่าสู่กันฟังต่อไป