ค้นหา

บทความที่ได้รับความนิยม

Translate

โมนา ลิน่า จากดินสู่ดาว


โมนา ลิน่า
เธออาจจะไม่มีรอยยิ้มเป็นอมตะเหมือนกับภาพวาดโมนาลิซ่าของลีโอนาร์โด ดา วินชี แต่ใบหน้าของเธอปรากฏบนโปสเตอร์ซ้ำแล้วซ้ำเล่าจำนวนนับครั้งไม่ถ้วน แม้แต่ศิลปินที่มีชื่อเสียงระดับโลกยังสร้างสรรค์ผลงานภาพใบหน้าเธอคนเดียวมากกว่า 500 ชิ้น จนหลายคนสงสัยว่าเธอเป็นใครและมีตัวตนจริงๆหรือไม่

ลิน่า คาวาลีรี เกิดเมื่อวันที่ 25 ธันวาคม 1874 ที่เมืองริเอติ ห่างจากกรุงโรม ประเทศอิตาลี ขึ้นไปทางตอนเหนือราว 80 กิโลเมตร พ่อแม่เสียชีวิตเมื่อลิน่าอายุได้ 15 ปี เธอถูกส่งตัวไปยังสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าโรมันคาทอลิก ระเบียบที่เคร่งครัดภายในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าทำให้ลิน่ารู้สึกอึดอัด เธอจึงหลบหนีตามคณะละครเร่ จนกระทั่งคณะละครเร่มาเปิดการแสดงในกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส 

ลิน่าสมัครเป็นนักร้องในสถานบันเทิงเล็กๆแห่งหนึ่ง ด้วยใบหน้าที่งดงาม ทำให้คนหลั่งไหลมาชมการแสดงเป็นจำนวนมาก แม้ว่าเสียงร้องของเธอยังอ่อนหัดนัก แต่ลิน่าก็ได้รับการว่าจ้างให้เปิดการแสดงในหลายประเทศทั่วทวีปยุโรป

☼ จากดินสู่ดาว
ขณะเปิดการแสดงในเมืองเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก ประเทศรัสเซีย ลิน่าพบรักกับเจ้าชายอเล็กซานดร์ บาเรียตินสกี้ ทั้งคู่สมรสกันในปี 1899 เจ้าชายอเล็กซานดร์ส่งเสียให้เธอเรียนร้องเพลงโอเปร่าที่เมืองลิสบอน ประเทศโปรตุเกส
ปี 1900 ลิน่าเปิดตัวครั้งแรกในฐานะนักร้อง
โอเปร่า เคียงข้างนักร้องมืออาชีพหลายคนบนเวที แต่ฝีมือเธอยังไม่เข้าขั้น ทำให้ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก เคราะห์ซ้ำกรรมซัด 
เจ้าชายอเล็กซานดร์ขอหย่าขาดจากเธอในปีเดียวกันนี้เอง 

ขณะที่คอดนตรีโขกสับเสียงร้องของลิน่าจนไม่มีชิ้นดี แต่สื่อชาวอิตาเลียนชื่นชมในความงามอย่างไม่มีที่ติจนถึงขั้นยกย่องว่าเป็น “เทพธิดาเดินดิน” จนกระทั่งได้ยินไปถึงโรงละครเมโทรโปลิแตนโอเปร่าในกรุงนิวยอร์ก จึงได้ติดต่อว่าจ้างให้ลิน่ามาเปิดการแสดงในปี 1906 ด้วยค่าตัวสูงถึงคืนละ 1,000 ดอลลาร์

ปี 1907 สื่อหลายสำนักต่างเห็นพ้องต้องกันยกย่องให้ลิน่าเป็นสตรีที่งดงามที่สุดในโลก เธอกลายเป็นนักแสดงที่ถูกถ่ายภาพมากที่สุดในยุคสมัยนั้น และเป็นผู้นำแฟชั่นการแต่งกายรัดรูปโชว์ส่วนสัด เอวเป็นเอว อกเป็นอก หรือที่เรียกกันว่าหุ่นนาฬิกาทราย 

ลิน่าพบรักครั้งที่สองกับโรเบิร์ต วินธรอป แชนเลอร์ จิตรกรที่มีชื่อเสียงโด่งดังชาวนิวยอร์ก และเป็นทายาทตระกูลมหาเศรษฐีแอสเตอร์และตระกูลดัดเลย์-วินธรอป ทั้งคู่แต่งงานกันในปี 1910

☼ หม้อข้าวไม่ทันดำ
ลิน่าและโรเบิร์ตแต่งงานกันเมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 1910 หลังจากทั้งคู่กลับจากดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์ไม่ทันไรเตียงก็หักสะบั้นลงในเวลาอันรวดเร็ว โดยมีสาเหตุมาจากลิน่ารบเร้าให้โรเบิร์ตลงนามในสัญญาก่อนสมรสแบ่งปันสมบัติที่มีให้กับเธอ
โรเบิร์ตเป็นทายาทตระกูลมหาเศรษฐี 2 ตระกูล 
มีทรัพย์สินมากมาย ยังไม่นับรายได้จากการขายภาพวาดผลงานของเขาอีกมหาศาล 

ดูเหมือนว่าลิน่าจะสนใจทรัพย์สมบัติมากกว่าตัวตนของโรเบิร์ต ด้วยเหตุนี้เองโรเบิร์ตจึงขอบอกลาตั้งแต่หม้อข้าวยังไม่ทันดำ หรือจะว่าไปแล้วเพิ่งจะยกหม้อข้าวลงจากเตาด้วยซ้ำไป การฟ้องหย่ากินเวลา 2 ปี ในที่สุดโรเบิร์ตยอมจ่ายค่าเลี้ยงดูเป็นเงิน 80,000 ดอลลาร์ แต่ก็ไม่วายขอเอาคืนด้วยการใช้อิทธิพลคนตระกูลดังบีบให้โรงละครเมโทรโปลิแตนโอเปร่ายกเลิกสัญญาการแสดงของลิน่าทั้งหมด

☼ ขายความงาม
ลิน่าเดินทางกลับกรุงปารีส ทำธุรกิจเกี่ยวกับความงาม เปิดร้านขายเครื่องสำอาง ถ่ายแบบโฆษณาเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้กับสบู่ปาล์มโอลีฟ เขียนบทความแนะนำการแต่งหน้า ออกหนังสือชื่อ My Secrets of Beauty (เคล็ดลับความงามของฉัน)

ลิน่าแต่งงานครั้งที่ 3 ในปี 1913 กับนักร้องโอเปร่าชื่อลูซิออง มูราโตเร และย้ายกลับไปอยู่บ้านเกิดที่อิตาลีในปี 1915 ผลิตเครื่องสำอางของตัวเองออกวางจำหน่าย รวมถึงน้ำหอม ติดยี่ห้อ Mona Lina (โมนา ลิน่า) ซึ่งออกแบบขวดบรรจุโดยนักออกแบบบรรจุภัณฑ์ชื่อดัง จูลิออง วิอาร์ด
ลิน่าหย่าร้างกับลูซิอองในปี 1927

และแต่งงานครั้งที่ 4 กับเศรษฐีเจ้าของธุรกิจจำหน่ายไวน์ เปาโล ดีอาร์วานนิ วันที่ 8 กุมภาพันธ์ 1944 อิตาลีถูกบอมบ์โดยกองทัพฝ่ายพันธมิตรในเหตุการณ์สงครามโลกครั้งที่ 2 ลิน่าและสามีมัวแต่ห่วงสมบัติ ช่วยกันเก็บทรัพย์สินมีค่าแทนที่จะรีบหนีลงหลุมหลบภัยเมื่อได้ยินสัญญาณเตือนภัยทางอากาศ ทั้งคู่เสียชีวิตระหว่างวิ่งออกจากบ้าน ขณะที่บ่าวไพร่ทุกคนปลอดภัยเพราะรีบมายังหลุมหลบภัยโดยทันที

ปี 1952 เพียโร ฟอร์เนเสตติ จิตรกรชื่อดังชาวอิตาเลียน วาดภาพใบหน้าลิน่า คาวาลีรี แบบต่างๆกว่า 500 แบบ ลงบนผลิตภัณฑ์ชนิดต่างๆ ตั้งแต่แก้ว ผืนผ้า จานชามเซรามิก ข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ ตลอดจนถึงวอลเปเปอร์

เพียโรกล่าวว่า ตั้งแต่เห็นภาพใบหน้าของลิน่าในนิตยสารเก่าๆ เขาก็รู้สึกอยากวาดภาพเธอ จึงเริ่มวาดมาเรื่อยๆไม่สามารถหยุดได้ จนมีผลิตภัณฑ์รูปใบหน้าลิน่าเยอะแยะไปหมด แต่มีน้อยคนนักที่รู้ว่านางในฝันของเพียโรเคยมีตัวตนอยู่จริงๆ และเคยได้รับการยอมรับว่าเป็นผู้หญิงที่สวยที่สุดในโลกคนหนึ่ง....(จบ)....✎

รายการบล็อกของฉัน